เจ้าอาวาสวัดศรีทวีป(วัดใหม่) บ้านบางมะขาม ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระอริยสงฆ์รูปหนึ่ง(จากการนำเสนอโดยหนังสือโลกทิพย์เมื่อราวเดือน ตุลาคม พ.ศ.2535)ของชาวเกาะสมุย ซึ่งจากการนำเสนอในครั้งนั้นได้ทำให้ชาวเกาะสมุยและผู้คนใกล้เคียงต่างตื่นตัวและแปลกใจและหันมาสนใจในเรื่องราวของท่านพร้อมทั้งความเลื่อมใสศรัทธาเพิ่มมากขึ้นจากที่ไม่เคยทราบมาก่อนเป็นอันมาก(ภาพจากหนังสือธรรมานุสรณ์วันบรรจุศพ)
ผมเองก็เป็นผู้หนึ่งที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านมาตั้งแต่ครั้งแรกที่มีโอกาสได้เข้าไปกราบนมัสการท่าน จากการแนะนำของคนรู้จักในพื้นที่รวมทั้งได้ทำบุญถวายภัตตาหารท่านก็หลายครั้ง ท่านเป็นพระที่สมถะเรียบง่ายจริงๆ ในกุฏิท่านไม่มีสิ่งของฟุ่มเฟือยใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์เครื่องอำนวยความสะดวกทั้งหลาย ท่านรับแขกด้วยการปูเสื่อนั่งบนผ้าปูอาสนะที่วางบนพื้นเท่านั้น และการเข้าพบท่านก็สะดวกง่ายดายไม่มีพิธีรีตองอะไรมากมาย แม้เตียงที่นอนท่านก็นอนบนผ้าปูบนเสื่อโดยไม่มีฟูกหรือที่นอน ซึ่งเป็นการปฏิบัติแบบนี้มาตลอดในเพศบรรพชิตของท่าน(ภาพจากหนังสือธรรมานุสรณ์วันบรรจุศพ)
ผมไม่ใช่ชาวเกาะสมุย เป็นคนต่างถิ่นที่มีโอกาสเข้าไปทำธุรกิจค้าขายเล็กๆพร้อมครอบครัวเมื่อปี พ.ศ.2531 โดยอาศัยอยู่ที่บ้านหน้าทอน ต.อ่างทอง ซึ่งเป็นช่วงที่เกาะสมุยกำลังได้รับการโปรโมทด้านการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง (Amazing Thailand)เวลานั้นเกาะสมุยเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่กำลังสมบูรณ์แบบที่สุด(ด้านทรัพยากรที่ยังไม่ถูกเบียดเบียนและทำลาย) นักท่องเที่ยวทั้งไทยและโดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ชื่นชอบธรรมชาติทยอยกันเข้าไปเที่ยวที่เกาะสมุยอย่างไม่ขาดสาย แม้ในช่วงนั้นจะยังไม่มีน้ำประปาของการประปา(ใช้น้ำจากน้ำตกหินลาด)และน้ำขุ่นในหน้าฝน ใช้อาบและทำความสะอาดเท่านั้นดื่มไม่ได้ ส่วนไฟฟ้าก็ยังใช้จากเครื่องปั่นไฟที่จะปิดให้บริการตอนสี่ทุ่มถึงตีห้า ต้องมีตะเกียงหรือเทียนไขสำรอง หลังจากนั้นอีกปีหรือสองปีจำไม่ได้จึงได้ใช้ไฟฟ้าที่มาจากสายเคเบิ้ลใต้น้ำที่เชื่อมมาจากฝั่งแผ่นดิน
ครั้งหนึ่งผมได้มีโอกาสพาครอบครัวภรรยาและลูกชายไปกราบท่านปู่หลวง(ที่คนใต้ใช้เรียกแทนคำว่า “หลวงปู่”)วัฒน์ และท่านได้มีเมตตาเป่ากระหม่อมให้ลูกชายที่ยังเล็ก(ตอนนั้นราว 6 ขวบ)รวมทั้งสนทนาธรรมกับท่าน แม้จะเป็นช่วงสั้นๆแต่ก็ทำให้รู้ว่าท่านเป็นพระที่มีคุณธรรมสูงยิ่งยากจะหาได้ในพระสงฆ์ทั่วไป(ภาพจากหนังสือธรรมานุสรณ์วันบรรจุศพ)
อยากเล่าประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์อย่างหนึ่งเกี่ยวกับท่านปู่หลวงวัฒน์ที่ผมได้ประสบด้วยตัวเอง แต่เป็นภายหลังที่ท่านได้มรณะภาพแล้วคือ เมื่อราววันที่ 14 พฤศจิกายน 2535 หลังจากท่านละสังขารได้ 1 วัน ผมได้รับโอกาสเข้าไปติดตั้งราวผ้าม่านเพื่อเป็นฉากกั้นหลังโลงตั้งศพของปู่หลวงบนศาลาตั้งศพ ผมและน้องชายภรรยาได้จัดเตรียมเครื่องมืออันมีสว่านเจาะรวมทั้งเครื่องมืออื่นๆที่จำเป็นในช่วงเวลาเช้าและต้องทำให้เสร็จก่อนสายเพราะพระเถระชั้นผู้ใหญ่(สมเด็จเกี่ยว อุปปเสโณ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ หรือวัดภูเขาทอง กทม.)จะเดินทางมาถึงและทำพิธีในงานศพ ผมจึงต้องเร่งมือเพื่อให้ทันการนี้ หลังจากกำหนดตำแหน่งเพื่อติดตั้งราวม่านแล้วผมจึงทำการเจาะคานคอนกรีต(เพื่อฝังพุกไขสกรูยึด)ตามที่กำหนดไว้(ซึ่งขายึดราวม่านจะใช้หลายอันเพราะราวม่านมีความยาวกว่า 7-8 เมตร)
รูเจาะแรกๆก็ผ่านไปด้วยดี แต่ด้วยความที่คานนั้นมีความแข็งมากจึงต้องใช้เวลามากในการเจาะแต่ละรู เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆและกระชั้นชิดเข้ามา ผมปีนบันไดเจาะจนรูสุดท้ายที่เหลือเวลา(ติดตั้ง)อีกไม่มากนัก เหมือนกับเจาะไปโดนหินหรือเหล็กก็ไม่รู้ที่แข็งมาก เจาะลงไปได้ไม่ถึงครึ่งเซ็นต์ก็เจาะไม่ลง แม้จะเปลี่ยนดอกสว่านใหม่ทั้งแบบเจาะเหล็กหรือเจาะคอนกรีตก็ไม่เข้าอยู่ดี เวลาก็หดสั้นลงไปเรื่อยๆ ที่ตัวสว่านเจาะก็ร้อนจี๋ ผมเหงื่อแตกพลั่กไปหมด บอกกับน้องภรรยาว่าเห็นทีจะไม่สำเร็จแล้ว ครั้นจะเปลี่ยนตำแหน่งเจาะก็ไม่ได้เพราะขายึดราวม่านอันนี้เป็นอันสุดท้ายแล้วเปลี่ยนหรือย้ายก็ไม่ได้จะทำให้ผิดแนว นาทีนั้นจากจุดที่ผมปีนบันไดมองลงไปก็เห็นโลงบรรจุศพที่ข้างบนเห็นองค์ปู่หลวงได้อย่างชัดเจน ผมยกมือไหว้และระลึกถึงปู่หลวงภาวนาขอให้ท่านช่วยให้ภารกิจนี้เสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีเถิด แล้วหันกลับไปเจาะรูสุดท้ายต่อ(อย่างเริ่มสิ้นหวัง) ความอัศจรรย์เกิดขึ้นหลังจากที่ผมลงมือเจาะครั้งนั้น ดอกสว่านกินรูลึกลงไปแบบไม่มีอะไรที่แข็งมาขวางกั้นเหมือนก่อนหน้านี้ ผมร้องตะโกนด้วยความดีใจ "ปู่หลวงช่วยแล้ว"
การติดตั้งราวม่านรวมทั้งผ้าม่านกั้นก็เสร็จสิ้นลงพร้อมๆกับการเดินทางมาถึงของพระเถระที่มาร่วมในพิธีตามกำหนดพอดิบพอดี ผมไปก้มกราบท่านที่หน้าโลงศพปู่หลวงด้วยความอิ่มใจและพลังศรัทธาที่เต็มเปี่ยมก่อนจากมา......ศาลาตั้งศพที่เห็นผ้าม่านกั้นด้านหลัง ศพท่านถูกบรรจุไว้ในโลงแก้ว(ภาพจากหนังสือธรรมานุสรณ์วันบรรจุศพ)
(ภาพจากหนังสือธรรมานุสรณ์วันบรรจุศพ)
ปีต่อมาผมได้มีโอกาสไปเที่ยวที่แหลมใหญ่ซึ่งเป็นแหล่งที่ผมเคยพาครอบครัวไปดำน้ำดูปะการังบ่อยครั้ง แหลมใหญ่นี้อยู่บริเวณออกไปทางทิศเหนือของหน้าทอน(ทางไปหาดเฉวง)ห่างจากวัดศรีทวีปไปราว 4-5 กม.มีคนรู้จักพาไปดูสถานที่ที่ปู่หลวงเคยไปอยู่ปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์สมัยที่ท่านบวชเป็นเณร(มีกล่าวถึงเกี่ยวกับประวัติท่านในหนังสือธรรมนุสรณ์วันบรรจุศพ) ที่นั่นมีก้อนหินขนาดใหญ่วางซ้อนๆกันอยู่ทำให้เกิดช่องเป็นเหมือนถ้ำเล็กๆอยู่ติดกับหาดทรายของแหลมใหญ่ บนขอบเพดานถ้ำยังมีตัวอักษรจารึกไว้บนแผ่นหิน ผมจำข้อความนั้นไม่ได้ แต่ก็เป็นการยืนยันว่าปู่หลวงเคยเดินทางมา ณ.ที่แห่งนี้จริง มีวัตถุมงคลของปู่หลวงวัฒน์ที่ผมได้มาบูชาเป็นที่ระลึกก็มีเหรียญกลมที่ระลึกงานฉลองอายุครบ 93 ปี 2533,เหรียญรูปเสมาพิธีพุทธาภิเษก มีค.29,รูปหล่อลอยองค์ปู่หลวง,ลูกอมชานหมาก,รวมทั้งผ้ารอยมือปัดพายุ ซึ่งผมจะได้ล่าวถึงปรากฏการณ์อัศจรรย์ของวัตถุมงคลเหล่านี้ในโอกาสต่อไปครับ
Admin.
27/07/64