แรงบันดาลใจเล็ก ๆ เริ่มมาตั้งแต่วัยเด็ก ตอนอายุประมาณ 8–9 ขวบ เวลาที่เห็นคุณแม่ใช้จักรเย็บผ้าซิงเกอร์รุ่นโบราณแบบเหยียบ ก็เกิดความอยากรู้อยากลอง แอบเล่นจักรจนพอจะเย็บผ้าให้ติดกันได้ แม้จะเป็นเพียงงานเล็ก ๆ แต่ตอนนั้นถือว่าตื่นเต้นและภูมิใจมาก
สมัยนั้นครอบครัวค่อนข้างลำบาก คุณพ่อเป็นข้าราชการ คุณแม่เป็นครู เงินเดือนรวมกันไม่ถึงพันบาท แต่ต้องเลี้ยงลูกถึง 6 คน ทำให้ทุกบาททุกสตางค์มีค่า คุณพ่อจึงตัดสินใจซื้อจักรเย็บผ้าให้คุณแม่ เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องเสื้อผ้า และไม่นานคุณแม่ก็นำเวลาว่างไปเรียนตัดเย็บเสื้อผ้าเพิ่มเติม ผลลัพธ์คือทุกคนในบ้านได้ใส่เสื้อผ้าฝีมือคุณแม่กันถ้วนหน้า
สี่คนพี่น้อง(น้องอีกสองคนยังไม่มา)ผู้เขียนอยู่ขวามือสุดกับชุดผ้าสำลีและผ้าพันคอถักไหมพรมอันอบอุ่นของเช้าวันหนึ่งในหน้าหนาวจากฝีมือคุณแม่
ตัดเย็บเสื้อผ้า: เริ่มจากความฝันเล็ก ๆ จนกลายเป็นอาชีพ
สมัยวัยรุ่นตอนเรียน ม.ศ.3 กระแสแฟชั่นแรงสุด ๆ คงหนีไม่พ้น “กางเกงทรงเดฟ” ที่บรรดาคนดังใส่กันจนฮิตติดลมบน เพื่อน ๆ ก็พากันไปซื้อมาใส่ ส่วนผู้เขียนที่อยู่ต่างอำเภอ (เรียกง่าย ๆ ว่า “บ้านนอก” ในสมัยนั้น) ก็ไม่อยากตกเทรนด์เลยตามไปซื้อบ้าง กางเกงที่มาแรงที่สุดตอนนั้นคือยี่ห้อ Hunter ราคาอยู่ที่ประมาณ 60 บาท ซึ่งถือว่าแพงไม่น้อยในยุคนั้น
เงินที่ได้มาก็ไม่ได้ขอจากบ้าน แต่เก็บหอมรอมริบจากการทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งวิ่งขายหนังสือพิมพ์ตอนเช้าวันหวยออก และขายไอติมใส่ถังเดินตะโกนขายในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์อยู่หลายเดือน กว่าจะเก็บได้ครบก็ภูมิใจสุด ๆ
แต่ปัญหาก็คือ... กางเกงที่ซื้อมาไม่เข้ากับหุ่นตัวเล็ก ๆ และขาสั้น ๆ ของผู้เขียนเลย ใส่แล้วทั้งหลวม ทั้งยาว ดูไม่เข้าท่า แต่เพราะอยากมีเหมือนเพื่อน เลยเกิดไอเดียขึ้นมาทันทีว่า “เอาน่า…มีจักรเย็บผ้าแม่อยู่ ลองแก้เองเลยดีกว่า”
วันต่อมาจึงเริ่มลงมือเย็บตะเข็บข้างขาเข้า และตัดชายกางเกงให้พอดี แม้ตะเข็บจะไม่ตรงนักตามประสามือใหม่ แต่พอใส่ไปอวดเพื่อนได้ก็ภูมิใจสุด ๆ ตั้งแต่นั้นมาก็เริ่มจับงานแก้เสื้อผ้าแบบง่าย ๆ เองได้บ้างแล้ว (จนแซวตัวเองว่า “แก้ผ้า เอ๊ย แก้เสื้อผ้า” 555)
จากงานประจำสู่การเริ่มต้นใหม่
เวลาผ่านไปหลายสิบปี หลังจากทำงานประจำมากว่าสิบปี ผู้เขียนก็ตัดสินใจลาออกมาเป็นพ่อค้าเต็มตัว ขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปในเมืองท่องเที่ยว ผลตอบรับก็ดีในระดับหนึ่ง แต่พอขายดี ก็มีคนเอาของแบบเดียวกันมาขายตัดราคาทันที
จุดนั้นเองที่ทำให้คิดว่า “ถ้าทำเอง มันก็จะไม่เหมือนใคร” ถึงแม้ทำได้น้อยชิ้น แต่กำไรก็น่าจะคุ้มกว่าการซื้อมาแล้วขายไป สุดท้ายก็บอกตัวเองว่า “หัดทำสิวะ!” และนั่นคือจุดเริ่มต้นจริง ๆ ของเส้นทาง “ตัดเย็บเสื้อผ้า เรียนเองก็ได้ไม่ยากเลย”
เริ่มจากตำราและการลองผิดลองถูก
ผู้เขียนหาตำรามาอ่านตั้งแต่พื้นฐานที่สุด จนได้หนังสือ “เรียนตัดเย็บเสื้อผ้าขั้นพื้นฐาน” มาเป็นคู่มือแรก เนื้อหาเข้าใจง่ายเพราะมีภาพประกอบเป็นขั้นตอนชัดเจน ก็เริ่มลองตัดเย็บงานง่าย ๆ อย่างเสื้อยืดคอกลมหรือเสื้อกล้าม โดยใช้ผ้าฝ้าย เพราะตัดเย็บง่ายกว่าผ้าใยสังเคราะห์
ผลงานชิ้นแรก ๆ อาจไม่เนี้ยบเหมือนช่างมืออาชีพ แต่ใส่เองได้จริง และสิ่งสำคัญที่ได้เรียนรู้คือ “ต้องลองทำบ่อย ๆ ให้เกิดความชำนาญ” เริ่มแรกต้องมีทั้ง ใจรัก และ ความตั้งใจ แล้วฝีมือจะพัฒนาขึ้นเอง
และผู้เขียนก็เริ่มลองหัดเย็บชิ้นงานง่ายๆได้ก็จากตำราเล่มนี้เอง
หนังสือ “เรียนตัดเย็บเสื้อผ้าขั้นพื้นฐาน” โดย สุจิตรา แก้วดี
ด้านในมีรูปภาพประกอบคำอธิบายขั้นตอนการเย็บอย่างชัดเจน
ต่อมาก็เริ่มตัดให้ภรรยาใส่บ้าง แม้จะมีผิดพลาดอยู่บ้าง แต่ก็ถือเป็นการฝึกฝีมือที่คุ้มค่า และที่สำคัญคือ ได้กำลังใจให้ก้าวต่อ
จากงานทดลองสู่สินค้าชิ้นแรก
สินค้าชิ้นแรกที่ทำขายจริงคือ หมวกแก๊ปผ้าฝ้าย โดยเอาของสำเร็จรูปมาลองเลาะออก ดูวิธีการเย็บ แล้วก็อปปี้แพทเทิร์นมาใช้กับผ้าใหม่ ผลลัพธ์คือทำออกมาได้และขายได้จริง แม้กำไรจะไม่มาก แต่ก็ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญมาก
ต่อจากนั้นก็ใช้วิธีนี้กับเสื้อผ้าอื่น ๆ ด้วย บางทีก็เลาะเสื้อสูทออกมาดูวิธีการเย็บ บอกเลยว่าคุ้มมาก ได้เรียนรู้จากของจริงโดยไม่ต้องเสียเวลาเดา
เลือกเส้นทางเสื้อผ้าผู้หญิง
ที่น่าสนใจคือ ผู้เขียนเลือกหันมาสนใจ เสื้อผ้าผู้หญิง เพราะเห็นว่าแฟชั่นผู้หญิงมีความหลากหลายมากกว่าผู้ชาย และกลุ่มลูกค้าก็กว้างกว่า จึงหาตำราเพิ่ม เช่น “ตำราตัดเสื้อสตรี” ของอาจารย์พยุง วงศ์ศศิธร ซึ่งสอนละเอียดตั้งแต่วัดตัว สร้างแพทเทิร์น วางผ้า และตัดเย็บ
จักรเย็บผ้า "ซิงเกอร์" อุปกรณ์ช่วยเย็บผ้าที่ทำเป็นอาชีพตัวแรก ปัจจุบันถูกขายไปแล้วครับ
จักรเย็บผ้า Janome เป็นอีกตัวหนึ่งที่มีฝีเข็มเย็บซิกแซกได้ดี มีคนซือไปใช้งานต่อแล้วครับ
แม้เคยลองซื้อแพทเทิร์นสำเร็จรูปมาใช้บ้าง แต่บางครั้งก็ผิดพลาด ทั้งเรื่องไซซ์และรูปทรง จนสุดท้ายก็ได้บทเรียนสำคัญว่า “ทำเองดีที่สุด”
หนังสือ “ตำราตัดเสื้อสตรี” โดยอาจารย์พยุง วงศ์ศศิธร
ด้านในมีรูปภาพประกอบคำอธิบายขั้นตอนการเย็บอย่างชัดเจน
งานตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นงานที่นับได้ว่าค่อนข้างละเอียดและต้องการความประณีตเป็นอย่างมาก แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ “ความพอดี”กับรูปร่างของผู้สวมใส่ จากประสบการณ์ตัดเย็บเสื้อผ้าของผู้เขียนมาหลายปีทำให้รู้ว่า “ความพอดี” นั้นสำคัญกว่าความประณีตจริงๆและเรื่องนี้ผู้เขียนเคยทำพลาดมาแล้วจากการจดขนาดที่วัดตัวผิด ตัดเย็บออกมาสวยสมดังใจแต่กลับมาตกม้าตายตอนลูกค้ามาลองนี่สิ มันเจ็บปวดยิ่งกว่าอะไรเพราะต้องเสียทั้งของ เสียเวลา ที่สำคัญเสียความมั่นใจจากลูกค้าที่เคยมี... “ผิดเป็นครู” ครับ แต่ครูแบบนี้อย่าให้มาบ่อยนะครับไม่ดีแน่..
จากการตัดเย็บขายแบบสำเร็จรูป ทั้งเสื้อ กระโปรง กางเกง ที่พอไปได้ แต่ที่ผ่านมาการทำแขนเสื้อให้สวยมักมีปัญหาเพราะในตำราเล่มก่อนๆบอกแต่วิธีขั้นพื้นฐานซึ่งความต้องการของลูกค้ามีมากกว่านั้น ผู้เขียนจึงเริ่มศึกษาและหาข้อมูลจากตำราเล่มต่อไปที่เน้นการตัดเย็บแขนเสื้อโดยเฉพาะ ก็มาเจอเอาตำราอีกเล่มหนึ่งที่น่าสนใจมากเพราะสอนแต่เรื่องทำแขนเสื้ออย่างเดียว งานนี้เข้าเป้าเลยครับ คือหนังสือ “ตำราเรียนตัดเสื้อสตรี ชุดนพเก้า เล่มที่5 เรื่องแขนเสื้อ” เรียบเรียงโดย อาจารย์เจียรพรรณ โสภโณ เจ้าของโรงเรียนสอนตัดเย็บเสื้อสตรี เจียรพรรณ นั่นเอง
หนังสือ “ตำราเรียนตัดเสื้อสตรี ชุดนพเก้า เล่มที่5 เรื่องแขนเสื้อ” เรียบเรียงโดย อาจารย์เจียรพรรณ โสภโณ เจ้าของโรงเรียนสอนตัดเย็บเสื้อสตรี เจียรพรรณ
อาจารย์เจียรพรรณ โสภโณ เจ้าของโรงเรียนสอนตัดเย็บเสื้อสตรี เจียรพรรณ
บางส่วนของรูปภาพประกอบภายในเล่ม
บางส่วนของรูปภาพประกอบภายในเล่ม
ในตำราเล่มนี้มีแบบแขนเสื้อแปลกๆเยอะมากครับรวมกว่า 100 แบบซึ่งนับว่ามีประโยชน์มากจริงๆสำหรับ”ช่างตัดเย็บนอกทำเนียบ”อย่างผู้เขียน และผลพวงจากตำราเล่มนี้ก็นับว่าเป็นแรงบันดาลใจหนึ่งที่ทำให้ผู้เขียนเริ่มรับงานตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับลูกค้าที่ต้องการในเวลาต่อมา
แบบเสื้อผ้าตามแนวแฟชั่นที่นิยมกันตามสมัยก็นับว่าสำคัญไม่น้อย ผู้เขียนจึงต้องขยันเดินหาดูแบบแฟชั่นใหม่ๆตามร้านดังในห้างสรรพสินค้าบ้าง จากหนังสือแฟชั่นบ้าง ช่วงนั้นผู้เขียนจึงลงทุนหาซื้อหนังสือแฟชั่นใหม่ๆบ่อยมากรวมๆที่ผ่านมาก็น่าจะมากกว่า 3-4 ร้อยเล่มแล้ว ทั้งหนังสือเล่มละ 70-80 บาท ไปจนถึงเล่มละหลายร้อยบาท เพราะคิดว่าในเล่มหนึ่งมีแบบที่ต้องการแค่แบบเดียวก็นับว่าคุ้มแล้วครับ ปัจจุบันหนังสือดังกล่าวได้ถูกนำไปจำหน่าย จ่ายแจกไปแล้วเกือบหมด เหลืออยู่เพียงไม่กี่เล่มเท่านั้นเอง
หนังสือตำราอีกเล่มหนึ่งที่มีแบบแนวแฟชั่นที่ทันสมัยนิยมพร้อมการสร้างแบบตัด
คำราเรียนแฟชั่นดีไซน์
คำราเรียนแฟชั่นดีไซน์
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้นจริงๆ เวลาต่อมาผู้เขียนตัดสินใจไปเรียนรู้การออกแบบดีไซน์เพิ่มเติม ทั้งนี้เพื่อเป็นการเติมเต็มให้กับธุรกิจเล็กๆที่ทำอยู่ และเพื่อตอบสนองลูกค้าได้มากขึ้นด้วยงานออกแบบเสื้อผ้าตามแนวคิดและถนัดของตัวเอง และผู้เขียนก็ค้นพบตัวเองในวัยสี่สิบกว่าๆว่าที่จริงแล้วตัวเองถนัดในสิ่งใดที่สุด
บางส่วนชุดที่ออกแบบตัดเย็บจากผ้าไหมแพรวาของลูกค้า
บางส่วนชุดที่ออกแบบตัดเย็บจากผ้าไหมของลูกค้า
ทริคเล็กๆกับการแก้ไขดัดแปลงและตกแต่งเสื้อผ้าครับ
คลิกที่นี่