เตารีด (อังกฤษ: iron) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกำจัดรอยยับบนเสื้อผ้าโดยใช้ความร้อน, รูปร่างเป็นอุปกรณ์ที่มีฐานล่างเป็นโลหะเรียบรูปสามเหลี่ยม และด้านบนมีมือจับ โดยวิธีใช้ทั่วไปจะต้องทำให้เตารีดร้อน แล้วจึงนำไปรีดบนรอยยับ เส้นใยผ้าจะคลายตัวเมื่อเจอกับความร้อน เมื่อถูกรีด น้ำหนักที่กดทับจะทำให้เส้นใยถูกยืดเป็นแนวตรง เมื่อความร้อนหมดไป เส้นใยจะคงรูปร่างที่เรียบเอาไว้ โดยเส้นใยบางชนิด เช่น ฝ้าย จะต้องใช้น้ำร่วมกับความร้อนในการรีดด้วย
เตารีดสมัยแรกๆ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 จะเป็นเตารีดแบบอังไฟ ซึ่งประกอบด้วยเหล็กหล่อรูปสามเหลี่ยมแบน มีด้ามจับเป็นไม้ ซึ่งต้องนำไปอังไฟให้ร้อนก่อนใช้งาน, ในยุคต่อมาได้มีการออกแบบเตารีดให้มีช่องว่างด้านในสำหรับใส่ถ่านไม้หรือถ่านหินเพื่อให้ความร้อน, ส่วนเตารีดในยุคปัจจุบันจะให้ความร้อนด้วยไฟฟ้าแทน (โดยจ่ายไฟผ่านลวดความร้อนที่อยู่ในส่วนฐานของเตารีด) จาก วิกิพีเดีย
เตารีดเหล็กโบราณแบบหนึ่ง (ภาพจากวิกิพีเดีย)
เตารีดโบราณ ทำจากเหล็กหล่อ
เตารีดโบราณที่ทำจากเหล็กแผ่นปั๊ม
เตารีดไอน้ำรุ่นแรกๆ
เตารีดไอน้ำรุ่นแรกๆ
ข้อความข้างต้นเป็นนิยามหรือความหมายของคำว่า “เตารีด”อย่างกระชับเท่านั้น แต่จะมีคนรุ่นใหม่สักกี่คนที่รู้จัก “เตารีดโบราณ” แบบใช้ถ่านจากฟืน ยิ่งคนที่เคยใช้แทบไม่มีเลย
โอกาสนี้ผู้เขียนจึงอยากรีวิวหรือกล่าวถึงเพื่อแสดงให้เห็นว่า คนรุ่นก่อนๆที่อายุราว 50 ปีขึ้นไปเคยรู้จักและใช้งานเจ้า “เตารีดโบราณ” นี้กันอย่างไรบ้าง
เมื่อเตรียมเสื้อผ้าที่ซักและตากแห้งแล้ว(ในเวลานั้นเสื้อผ้าที่ต้องรีดจะทำมาจากเส้นใยธรรมชาติคือ ฝ้าย ล้วนๆ จึงยับง่าย) มากองไว้ข้างๆที่รีดผ้าที่ทำด้วยผ้าห่มเก่าพับๆให้หนาพอประมาณวางไว้กับพื้นห้องแล้วคลุมทับด้วยผ้าฝ้ายผืนที่เป็นสีขาวอีกชั้นหนึ่งเพื่อความสะอาดเวลารีด เตรียมขันอลูมีเนียมใส่น้ำสะอาดไว้ค่อนขัน แล้วก็ได้เวลาเตรียมเตารีดเสียที มันช่างน่าตื่นเต้นจริงๆเพราะมันต้อง ”เล่นกับไฟ”
เตาอั้งโล่ (ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
ในครัวหลังบ้านที่ได้ติดไฟในเตาไฟอั้งโล่ไว้แล้วด้วยถ่านฟืนอย่างดีก่อนหน้านี้ ซึ่งการเลือกถ่านมาใช้กับการรีดผ้าด้วยเตารีดโบราณนั้นค่อนข้างสำคัญเพราะถ่านที่เผาจากไม้เนื้อแข็งจะให้ไฟแรง มอดดับช้าและขี้เถ้าน้อย(เมื่อก่อนไม้เนื้อแข็งดีๆเช่น ไม้เต็ง ไม้มะไฟป่าฯลฯ ในป่ายังมีเยอะมาก จนชาวบ้านส่วนใหญ่ยึดอาชีพเผาถ่านขาย) จากนั้นจึงนำเตารีดโบราณที่หนักอึ้งสำหรับเด็กๆไปวางใกล้เตาไฟแล้วจึงใช้เหล็กคีมคีบเอาถ่านที่ติดไฟแดงๆออกมาใส่ลงไปในเตารีดพอเต็มก็ปิดฝาเพื่อนำไปรีดผ้าได้เลย ตอนนี้เตาจะเริ่มร้อนแล้วต้องระวังให้มาก
แต่มันก็ยังมีขั้นตอนก่อนจะลงมือรีดอีกนะครับ ด้วยผ้าที่จะรีดมันแห้ง เวลารีดแม้เตาจะร้อนเพียงใดผ้าก็ไม่เรียบ เทคนิควิธีการก็เหมือนการรีดผ้าในปัจจุบันแหละครับ นั่นคือทำให้ผ้าเปียกชื้นพอประมาณก่อนแล้วจึงจะรีดได้เรียบ(ผู้เขียนเคยทำให้ผ้าไหม้เพราะควบคุมความร้อนไม่ดีเช่นใส่ถ่านไฟเยอะไปบ้าง เผลอคุยเวลารีดโดยลืมเลื่อนเตารีดไปมาบ้าง อิอิ) แต่ยุคนั้นไม่มีที่ฉีดน้ำสเปรย์เหมือนตอนนี้ เคยเห็นพี่ๆเวลารีดผ้าจะใช้มือข้างหนึ่งจุ่มน้ำในขันแล้วใช้นิ้วมือดีดสลัดน้ำไปยังผ้าที่ถือไว้ในอีกมือหนึ่งเพื่อให้ผ้าเปียก แต่ดูแล้วมันไม่ทั่วถึง ผู้เขียนจึงใช้วิธีอมน้ำไว้ในปากแล้วพ่นให้เป็นฝอยๆไปที่ผ้า ได้ผลดีแฮะ และรีดแล้วผ้าเรียบดีด้วยก็เลยใช้วิธีนี้เรื่อยมา 555
เตารีดไอน้ำปัจจุบัน
ในการรีดผ้าทุกครั้งเพื่อป้องกันเตารีดร้อนเกินไปต้องเตรียมใบตองกล้วยที่ตัดมาจากในสวนไว้รีดเพื่อช่วยให้หน้าเตาลดความร้อนและช่วยทำความสะอาดคราบสกปรกที่เกิดจากการรีดผ้าออกไปจากหน้าเตารีดได้ด้วย คนสมัยนั้นช่างคิดนะ พอเตารีดเริ่มร้อนน้อยลงจะเห็นว่าผ้าไม่ค่อยเรียบ ต้องรีบเอาเตารีดไปเปิดฝาเทขี้เถ้าออกและเหลือถ่านติดไฟเอาไว้แล้วนำไปเติมถ่านไฟเพิ่มให้ร้อนดังเดิม จะเห็นว่าการใช้งานเตารีดผ้าโบราณนั้นมันช่างยุ่งยากจริงๆ และนับได้ว่า การรีดผ้าด้วย”เตารีดโบราณ”ก็เป็นสิ่งสำคัญของการดำรงชีวิตอย่างหนึ่งของผู้คนในยุคสมัยนั้น ผิดกับสมัยนี้ที่แค่เสียบปลั๊กแล้วรีดได้เลย แถมยังมีน้ำพ่นฝอยๆออกมาจากใต้เตาได้อีกด้วย ไม่ต้องอมน้ำแล้วพ่นให้เมื่อยปาก หรือฉีดน้ำสเปรย์ให้เมื่อยมือ นี่แหละเทคโนโลยีที่มักล่อหลอกให้ผู้คนหลงใหล
แต่ประโยชน์ของเตารีดโบราณใช่มีไว้แค่รีดผ้าเท่านั้นนะเออ ใช้รีดได้หลายอย่างเช่น กระดาษที่เปียกชื้น(โดยเฉพาะแบ็งค์ธนบัตรที่เผลอทำเปียกน้ำซึ่งต้องใช้ไฟอ่อนๆนะครับ) ใบตองกล้วยรีดแล้วนำมาใช้มวนบุหรี่สูบก็มีกลิ่นหอม(ในสมัยก่อนคนติดบุหรี่ยาเส้น ยาฉุน กันทั้งเมืองครับ)ฯลฯ เจ้าหน้าที่รัฐก็ใช้รีด...? #เครื่องแบบได้เรียบ#เช่นกัน หุหุ
เตารีดโบราณ ที่ผู้เขียนเคยใช้จะเป็นแบบทำด้วยเหล็กหล่อ มีฝาปิด-เปิด(แบบทำจากทองเหลืองจะราคาแพงกว่า และไม่มีโอกาสได้ใช้)ที่ขอบฝาด้านล่างจะทำเป็นรอยหยักไว้เพื่อให้อากาศผ่านเข้า-ออก และเพิ่มความสวยงามไปในตัว ที่ล็อคฝาทำเป็นรูปตัวไก่ทาสีแดงเช่นเดียวกับด้ามไม้สำหรับจับ ด้านในตัวเตารีดจะมีตะแกรงเหล็กวางไว้เพื่อรองรับถ่านไฟอีกทีทำให้มีอากาศผ่านง่ายขึ้น(ถ้าอากาศไม่ไหลเวียนถ่านจะมอดดับได้ง่าย) รวมทั้งมีฐานวางเป็นเหล็กรองรับหน้าเตารีดป้องกันไม่ให้พื้นที่ใช้งานโดนความร้อนจากเตารีดโดยตรง มีรูให้อากาศไหลเวียนด้านล่างซึ่งบางอันก็เจาะเป็นรูกลมด้านละ 9-12 รูเรียงกัน บางอันก็เป็นรูรูปครึ่งวงกลมใหญ่ด้านละ 2 รู แล้วแต่โรงงานผู้ผลิตจะทำออกมาขาย และมีตรายี่ห้อผู้ผลิตติดไว้ที่ท้ายเตารีด บ้านที่มีฐานะดีหน่อยก็จะใช้เตารีดที่นำเข้าจากต่างประเทศแถบยุโรป มียี่ห้อและรูปทรงสวยงาม วัสดุดีน่าใช้ ส่วนที่ผลิตในประเทศมีหลายยี่ห้อแต่รูปทรงก็คล้ายๆกัน คนส่วนใหญ่จะนิยมใช้กันเพราะราคาไม่แพง ที่สำคัญคือรีดได้เรียบเหมือนกัน อันค่านิยมแบบนี้มันก็มีมานานแต่โบราณอีกเช่นกันเนอะ
เตารีดโบราณทำจากเหล็กหล่อ ที่ล็อคฝาทำเป็นรูปตัวไก่ซึ่งเป็นที่นิยมในเวลานั้น
เตารีดเหล็กที่มีตะแกรงด้านในและด้านนอก
เตารีดโบราณหลายแบบที่ผู้เขียนเคยรู้จักก็มีแบบหัวเรียวท้ายตัด มีฝาปิด-เปิด ด้ามจับทำจากไม้กลึงกลมมีหยักตรงหัว-ท้าย ซึ่งมีทั้งที่ทำจากเหล็กด้วยกรรมวิธีหล่อขึ้นรูปจากเบ้าหลอมทำให้ได้ขนาดที่เท่ากันแต่มีน้ำหนักมาก รุ่นหลังๆจะทำจากเหล็กแผ่นนำไปปั๊มขึ้นรูปจะได้เตารีดที่มีน้ำหนักเบาและผลิตได้เร็วกว่า และที่ทำจากทองเหลืองในรูปแบบและการผลิตที่เหมือนๆกันแต่ราคาจะแพงกว่าเตารีดที่ทำจากเหล็ก
เตารีดโบราณที่ทำจากทองเหลือง
เตารีดโบราณที่ทำจากเหล็กหล่อขึ้นรูป
เตารีดโบราณที่ทำจากเหล็กแผ่นปั๊มขึ้นรูป
มีเตารีดโบราณ ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศมีรูปร่างหน้าตาแปลกๆ เช่นเตารีดแบบมี”งวง”หรือท่อระบายความร้อน เปิด-ปิดฝาจากด้านหน้า ด้วยเหตุที่มี”งวง”หรือท่อ คนทั่วไปจึงเรียกว่า ”เตารีดงวงช้าง" ซึ่งเตารีดแบบนี้ไม่มีช่องระบายอากาศด้านข้างเหมือนแบบอื่น แต่ใช้การระบายขึ้นด้านบนผ่านปล่องหรือท่อที่เรียกว่า งวง โดยอากาศจะไหลเวียนผ่านรูระบายกลมๆด้านท้ายของเตา
เตารีดโบราณแบบ งวงช้าง
เตารีดโบราณแบบงวงช้าง ยี่ห้อนี้เห็นที่ล็อคฝาอยู่ด้านหน้า
รูระบายอากาศมีฝาปิดเปิดอยู่ด้านท้ายเตา
ของยี่ห้อนี้มีที่ล็อคฝาอยู่ด้านท้ายเตา
ด้านในของเตารีดแบบ งวงช้าง
เตารีดโบราณบางแบบเป็นรูปทรงคล้ายสามเหลี่ยมที่ขอบฐานและฝาปิดมีส่วนยื่นออกมาโดยรอบเท่าๆกันพร้อมรอยหยักเป็นช่องที่ใต้ฝาเตาและรูระบายอากาศด้านล่างด้านละสามรู เตารีดโบราณแบบนี้จะมาจากทางประเทศอินเดีย (เห็นในวีดีโอสารคดี บางส่วนของประเทศพม่ายังใช้อยู่เลยครับ)ซึ่งคนเรียกกันว่า “เตารีดแมงดา” บ้าง “เตารีดผีเสื้อ” บ้าง
เตารีดโบราณทำจากทองเหลืองแบบ แมงดา หรือ ผีเสื้อ
เตารีดโบราณทำจากเหล็กหล่อขึ้นรูป แบบ แมงดา หรือ ผีเสื้อ
ด้านท้ายเตารีดโบราณทำจากเหล็กหล่อขึ้นรูป แบบ แมงดา หรือ ผีเสื้อ]
ด้านในที่ใส่ถ่านไฟเตารีดโบราณทำจากเหล็กหล่อขึ้นรูป แบบ แมงดา หรือ ผีเสื้อ
ที่เป็นแบบโบราณจริงๆในแถบเอเชียเช่นประเทศจีนจะใช้เตารีดแบบทรงกลมมีด้ามจับยื่นออกมาด้านท้ายซึ่งจะต่อด้ามนี้ออกไปอีกทีด้วยไม้เพื่อกันความร้อนเวลาจับ ไม่มีฝาปิด ใส่ถ่านร้อนๆลงไปได้เลย ไม่มีตะแกรงรองถ่าน แบบนี้เห็นมีแต่ที่ทำด้วยทองเหลือง ซึ่งในซีรี่ย์จีนย้อนยุคบางเรื่องยังมีให้เห็น
เตารีดโบราณแบบจีน ทำจากทองเหลือง
ด้านล่างที่ใช้รีดผ้าของเตารีดโบราณแบบจีน ทำจากทองเหลือง
ด้านในที่ใช้ใส่ถ่านไฟของเตารีดโบราณแบบจีน ทำจากทองเหลือง
และแบบโบราณรุ่นแรกๆเลยเห็นจะเป็นแบบที่ทำจากเหล็กหล่อตัน มีด้ามจับเป็นเหล็ก ไม่มีที่ใส่ถ่านไฟ ใช้วิธีอังความร้อนบนเตาไฟให้ร้อนแล้วจึงนำไปรีด ดูง่ายดีจริงๆครับ
เตารีดโบราณแบบเหล็กหล่อตัน
เตารีดโบราณแบบเหล็กหล่อตัน