ชาวอาข่าบนดอยสูง(ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
ถ้าพูดถึงอาหารการกินโดยทั่วไป อาจหมายถึง การทำอาหารให้มีรสชาติอร่อยและดูน่ากิน เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และจัดสรรจัดวางให้ดูสวยงาม แต่ในส่วนของชนเผ่าต่างๆในประเทศไทย ทีมีอยู่หลากหลายชนเผ่า ทั้งอยู่บนเขาสูง หรือทื่เรียกกันติดปากว่า "ชาวเขา" จำนวน 6 ชนเผ่า และที่อยู่บนพื้นราบปะปนอยู่กันชาวท้องถิ่นดั้งเดิม เพราะอพยพย้ายถิ่นฐานมาจากแดนไกล ก็อีกหลายเผ่าพันธุ์ ต่างก็มีแนวคิดในด้านการ "ทำอาหาร" ที่เป็นเอกลักษณ์ หรือ อัตลักษณ์ ที่เป็นของตนเองอย่างชัดเจน
ในที่นี้ อยากจะขอเริ่มด้วยเรื่องของชนเผ่าบนเขาสูง หรือ "ชาวเขา" (หรือชาวไทยภูเขา) เป็นอันดับแรก เพราะชนเผ่าเหล่านี้มีวัฒนธรรม-ประเพณีความเชื่อที่แตกต่างจากชนเผ่าบนพื้นราบอย่างมากเลยทีเดียว ด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและรักสันโดษ ความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันจึงค่อนข้างจำเจ ด้วยงานหลักก็คือเรื่องของการทำมาหากินใส่ปากท้อง เมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่กับป่าเขา ก็จำต้องหาอยู่หากินกับผืนป่า ใช้ทรัพยากรที่หาได้จากป่า ไม่ว่าจะเป็น อาหาร- น้ำดื่ม ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และสมุนไพรรักษาโรคต่างๆ ก็ล้วนแต่หาได้จากผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์นั่นเอง
![]()
ชนเผ่าอาข่ากับพิธี "โล้ชิงช้า" จากเสาไม้เพียงสี่ต้น
เนื่องจากต้องอาศัยการทำมาหากินแบบนี้เองเมื่อผืนป่าเดิมเริ่มเสื่อมโทรมจากการทำไร่เลื่อนลอย (สำหรับบางเผ่า) และหาของป่าล่าสัตว์ยังชีพ จึงต้องมีการอพยพย้ายถิ่นหากินไปยังผืนป่าแห่งใหม่ที่มีสภาพสมบูรณ์กว่า โดยละทิ้งผืนป่าเดิมไว้เบื้องหลัง ต่อเมื่อเวลาผ่านไปหลายปีก็อาจหวนคืนถิ่นเดิมหากถิ่นนั้นฟื้นตัว หรืออาจทิ้งไปโดยสิ้นเชิง
ป่าเสื่อมโทรมจากการทำไร่เลื่อนลอยและปลูกข้าโพด(ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
อย่างไรก็ตาม ในอดีตชนเผ่าหรือชาวเขาก็ไม่ได้ละเว้นในการติดต่อค้าขายกับชาวเมืองบนพื้นราบเสียทีเดียว เพราะในเมืองก็ยังมีสิ่งจำเป็นในการยังชีพของพวกเขาหลายอย่าง อาทิ เช่น เกลือ ยารักษาโรคสมัยใหม่ และผ้าผืน (บางชนิด) เพื่อนำไปประกอบกับผ้าทีทอเองเพื่อทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม