คงมีหลายท่านที่มีของใช้ที่ไม่ได้ใช้ ไม่อยากเก็บและต้องการขายต่อ ครั้นจะเอาไปขายตามตลาดนัดทั่วไปก็เกรงจะไม่คุ้ม หรือไม่มีเวลา หรือยังตะขิดตะขวงใจอะไรก็แล้วแต่ ลองหันมามองตลาดออนไลน์ที่กำลังรุ่งตามกระแสของความสะดวกสบายในยุคปัจจุบันดูครับ เพราะเพียงแค่ท่านมีโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ใช้ wifi ได้ก็เพียงพอที่จะเริ่มต้นได้ บทความนี้มุ่งเน้นสำหรับท่านที่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดีกับการขายออนไลน์ หรือเรียกง่ายง่ายว่า “มือใหม่หัดขาย” นั่นแหละครับ มาลองทำกันดูครับ
ซึ่งมันจะมีลำดับการเตรียม 4 ขั้นตอนด้วยกันดังนี้ครับ
1. ถ่ายรูปสินค้าที่ต้องการขาย
2. เตรียมข้อมูลสินค้าให้ครบถ้วน
3. กำหนดราคาที่ต้องการขาย
4. นำไปโพสต์ลงขายในสื่อต่างๆ เช่น facebook หรือตามเว็บไซต์ที่ให้ลงประกาศขายฟรีซึ่งมีอยู่หลากหลายมากในเวลานี้
เพียง 4 ขั้นตอนนี้ท่านก็จะสามารถลงขายสินค้าได้ตามต้องการแล้วครับ
บางท่านอาจจะคิดว่ามันก็ง่ายนะสำหรับคนที่มีความชำนาญในการใช้สื่อออนไลน์อยู่แล้ว แต่มันก็มีข้อปลีกย่อยที่ต้องใส่ใจและลงรายละเอียดเพิ่มขึ้นไปอีกหลายประการ เช่น:-
การถ่ายรูป. บอกได้เลยครับว่า รูปถ่ายนับเป็นตัวนำเสนอสินค้าที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆและมีอิทธิพลต่อการขายมากเลยทีเดียวก็ว่าได้ เพราะรูปถ่าย(ที่ดีๆ)เพียงรูปเดียวนี้สามารถอธิบายได้มากกว่าข้อความเป็นไหนๆ (เคล็ดลับก็คือ ทำให้ลูกค้าเห็นรูปแล้วเหมือนได้เห็นของจริงมากที่สุด) ดังนั้น รูปถ่ายสินค้าควรต้องมีความชัดเจน มีหลายมุมมอง ถ้าสินค้ามีตำหนิตรงไหนควรถ่ายเน้นให้เห็นชัดๆเพื่อลูกค้าจะได้เข้าใจและยอมรับ ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆก็สามารถถ่ายรูปได้ในขั้นดี(บางรุ่นกล้องถ่ายรูปยังอายเลยก็มี) ถ้ารูปถ่ายออกมามืดๆ หรือเบลอๆ ก็คงไม่ดึงดูดความสนใจอย่างแน่นอน และรูปที่ออกมาดีนั้นย่อมแสดงออกถึงความจริงใจและใส่ใจของเจ้าของสินค้านั้นๆตามไปด้วยครับ
ข้อมูลสินค้า. ในขณะที่ได้รูปภาพที่ดีแล้ว ข้อมูลสินค้าก็นับว่ามีความสำคัญเป็นอันดับต่อมา เพราะเมื่อท่านโพสต์ขายสินค้านั้น ลูกค้าก็ย่อมอยากรู้ว่าสินค้านั้นเป็นอย่างไร เช่น เรียกว่าอะไร? ผลิตจากอะไรและผลิตที่ไหน-เมื่อไหร่? ใช้งานยังไง? สภาพเป็นยังไง? มีตำหนิอะไรตรงไหนมั้ย? ถ้าเป็นไปได้ควรบอกขนาดและน้ำหนักไปด้วยเพื่อให้ลูกค้ารับรู้ข้อมูลหรือรายละเอียดสินค้าให้มากที่สุดซึ่งจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจ(ซื้อ)ได้ง่ายขึ้น
ราคาสินค้า. ในที่นี้จะพูดถึงสินค้ามือสอง(ตามที่พูดถึงข้างต้น)เป็นหลัก ควรมีการกำหนดราคาที่เหมาะสม ถ้าเป็นสินค้ามือสองทั่วไปย่อมมีราคาที่ต่ำกว่าราคาสินค้าใหม่แน่นอน ส่วนจะมากน้อยแค่ไหนก็อยู่ที่สภาพการใช้งาน เช่นสมมุติ สินค้าใหม่ราคา 500 บาท ถ้าสภาพ 70-80 % ราคาก็อาจจะอยู่ที่ประมาณ 300 บาทหรือต่ำกว่านี้แล้วแต่จะต่อรองกันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย (แน่ละราคาที่ถูกมักเป็นที่สนใจผู้ซื้อมากกว่าแน่นอนครับ)
การลงขายออนไลน์. ปัจจุบันสื่อออนไลน์หรือ social media มีหลากหลายที่ให้ท่านสามารถนำสินค้าไปโพสต์ลงขายอย่างฟรีๆ เช่น facebook, Lazada, shopee, kaidee, และตามแพลตฟอร์มของเว็บไซต์ต่างๆ (ผมจะไม่พูดถึง ท่านลองเข้าไปค้นหาใน google ดูเอาครับ)ซึ่งท่านต้องเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกตามเงื่อนไขก่อนแล้วจึงจะลงขายของได้ครับ
ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเป็นขั้นตอนที่แอดมินได้ทำมาแล้วทั้งสิ้น จึงอยากแบ่งปันประสบการณ์ให้ท่านที่สนใจอยากลองขายสินค้าออนไลน์นำไปทดลองทำดู และด้วยตรรกะที่ว่า “ของที่เราไม่ต้องการแล้ว ย่อมยังเป็นที่ต้องการของผู้อื่นอยู่เสมอ” ทำให้ตลาดสินค้ามือสองยังคงเป็นที่สนใจของผู้คนอยู่เสมอมา ขอให้โชคดีและประสพความสำเร็จทุกท่านครับ
Admin.
09/03/64