เมื่อปลายปี พ.ศ. 2554 หลายๆท่านที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลและแถบภาคกลางคงจดจำถึงเหตุการณ์ ”น้ำท่วมใหญ่” ครานั้นกันได้ดีนะครับ บ้านผมอยู่แถวลำลูกกาคลองสี่ ที่หน้าบ้าน(ถนนในหมู่บ้าน) ระดับน้ำท่วมสูงถึง 1 เมตรกว่า ในตัวบ้านเกือบถึงหัวเข่า และท่วมขังอยู่นานนับเดือน (ในขณะที่รัฐบาลตอนนั้นยีนยันว่า"เอาอยู่") ผมและภรรยาต้องอพยพหนีน้ำออกไปเช่าคอนโดอยู่กับลูกชายที่ จ.ระยอง หนึ่งเดือนกับสิบวันที่ทิ้งบ้านไปและคอยติดตามข่าวคราวทางอินเตอร์เน็ตและทีวี อีกทั้งต้องคอยโทรหา รปภ.ให้ช่วยไปถ่ายรูปบ้านเก็บไว้ดูก็หลายหน ที่น่าเศร้าไปกว่านั้นคือผมจำใจต้องทิ้ง “เจ้าจ่อย” แมวเพศเมียสีดำที่เคยเลี้ยงดูแต่เล็กจนอายุได้สามปีกว่าไว้ให้เผชิญหน้ากับน้ำท่วมตามยถากรรม
เจ้าจ่อย แมวเพศเมียสีดำ
แม้จะดูเหมือนโหดร้ายแต่ผมก็ต้องตัดใจเพราะในสถานการณ์ขณะนั้นผมจนปัญญาจริงๆด้วยไม่รู้ว่าวันต่อไปข้างหน้าจะเป็นอย่างไร (ต้องไปนอนพักที่โรงแรมเพื่อรอห้องพักที่คอนโดว่างอยู่สองสามวัน) ได้แต่สวดมนต์ภาวนาขอให้มันอยู่รอดปลอดภัย และปาฏิหาริย์ก็มีจริง ทันทีที่ผมกลับเข้าบ้านหลังน้ำลดจนพอขับรถลุยน้ำเข้าไปได้ ซึ่งระดับน้ำในบริเวณบ้านได้ลดลงหมดแล้ว “เจ้าจ่อย” ก็วิ่งแจ้นเข้ามาต้อนรับพร้อมส่งเสียงร้องดังหง่าวๆด้วยความดีใจ ผมก้มลงไปอุ้มมันขึ้นมากอดไว้แนบอกด้วยความตื้นตันพร้อมหยาดน้ำตาที่เอ่อล้น จ่อยเอ๋ยเธออยู่รอดได้จริงๆ ขอบใจนะที่ทำให้โล่งใจไปได้ แม้จะดูซูบผอมไปบ้างและมีรอยแผลเล็กๆที่เท้าหน้าข้างหนึ่งแต่เมื่อล้างแผลใส่ยาให้ มันก็เริ่มดีขึ้นในวันต่อมา.... จนกระทั่งทุกวันนี้ผมก็ยังแปลกใจไม่หายว่า ”เจ้าจ่อย” มันอยู่ได้อย่างไรในสภาพน้ำท่วม 40 วัน กินอะไร? นอนที่ไหน? จ่อยเอ๋ย เธอเจ๋งจริงๆ สุดยอดไปเล้ยย..<0_0>
เจ้าจ่อย ทำแผลที่เท้าหลังวันน้ำท่วมลดไปแล้ว
ผมและครอบครัวสามคน ช่วยกันทำความสะอาดบ้านเก็บข้าวของที่เสียหายทิ้งไปเป็นขยะมากมาย ต้นไม้ที่ปลูกไว้รอบบ้านยืนต้นตายก็เยอะโดยเฉพาะต้นกล้วยเล็บมือนางที่ปลูกไว้รอบบ้าน ห้า-หก กอตายเรียบ จากการฟื้นฟูบ้านครั้งนั้นผมใช้เวลานานกว่าสองสามเดือนกว่าบ้านและสภาพจิตใจจะค่อยๆเข้าสู่ภาวะปกติ
จากการปรับปรุงต้นไม้รอบบ้านในเวลาต่อมา สิ่งที่ผมแปลกใจก็คือมีต้นไม้หน้าตาแปลกๆที่ไม่เคยปลูกขี้นงอกงามอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น มะละกอ มะเขือเทศ มะเขือพวง เข้าใจว่าเมล็ดมันน่าจะมากับน้ำท่วม แต่ที่ขึ้นงอกงามมากที่สุดก็คือ “ผักกระสัง” ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีขึ้นบ้างแต่ไม่มากนัก ผักชนิดนี้ผมรู้จักตั้งแต่เด็กๆ แต่ไม่เคยสนใจบางทีถ้ามันขี้นรกมากๆก็ถอนทิ้ง ชาวบ้านทั่วไปมองเห็นมันเป็นเพียงวัชพืชที่ดูไร้ค่าเท่านั้น อาจเป็นเพราะว่าช่วงน้ำท่วมทำให้ถังที่ใช้หมักน้ำชีวภาพไว้ทำปุ๋ยขนาด 100 ลิตรได้ล้มและไหลออกมาจนหมด รวมกับธาตุอาหารที่ไหลปนมากับน้ำท่วม ทำให้หลังน้ำลด ดินรอบบริเวณบ้านจึงอุดมสมบูรณ์สำหรับต้นไม้เป็นอย่างยิ่ง...
ด้วยเห็น”ผักกระสัง”มันขึ้นงอกงามดีนัก ผมจึงสนใจลองหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตดู แล้วก็พบข้อมูลที่น่าทึ่งมากๆของผักชนิดนี้ ทำให้วันต่อมาผมต้องรีบไปเก็บมาล้างทำความสะอาดได้กะละมังใหญ่เพื่อนำมาทำเป็นอาหารเมนูอร่อยอย่างไม่รั้งรอเลยละครับ และผมก็มี “ผักสดที่ไม่ต้องปลูก” ไว้เป็นอาหารที่เปี่ยมคุณค่าไปอีกนาน ซึ่งต่อมาเมื่อมันเยอะจนเก็บกินไม่ไหว หลังจากแบ่งให้เพื่อนบ้านไปทำกินแล้ว ผมยังเก็บมาทีละหลายกะละมังเอาไว้ทำน้ำหมักชีวภาพอีกด้วยครับ
ผักกระสังที่ขึ้นงอกงามข้างบ้านหลังจากน้ำท่วม
ผักกระสัง
เจ้าจ่อย ที่กลับมาหายเป็นปกติดีแล้ว
ผักกระสังข้างบ้าน
สองปีให้หลังนับจากวันน้ำท่วม ผมตั้งข้อสังเกตุว่า ปลวกที่เคยมารบกวนรวมทั้งเคยบุกเข้าบ้านแทะกินวงกบประตูห้องน้ำชั้นล่างที่เป็นไม้เสียหายไปเยอะจนต้องจ้างบริษัทกำจัดปลวกมาดูแล รวมถึงตัวแมลงเม่า(ที่มาจากปลวก)ที่เคยบินมาเล่นแสงไฟอย่างมากมาย ได้หายไปโดยสิ้นเชิง จนถึงวันนี้(เดือน กค.59) ยังไม่ปรากฎมีปลวกมารบกวนอีกเลย เออ..ถ้ามองในอีกมุมหนึ่งน้ำท่วมนานๆมันก็มีประโยชน์เมือนกันนะ...
-----------------------------------------------------------------------------------------------
สมุนไพรกระสัง
มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ผักราชวงศ์ (แม่ฮ่องสอน), ผักกูด (เพชรบุรี), ผักสังเขา (สุราษฎร์ธานี), ผักฮากกล้วย (ภาคเหนือ), ผักกระสัง (ภาคกลาง), ชากรูด (ภาคใต้), ตาฉี่โพ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) เป็นต้น
ลักษณะของกระสัง
ต้นกระสัง จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุก ลำต้นเปราะหักง่าย มีความสูงของต้นได้ประมาณ 15-30 เซนติเมตร ลำต้นและใบเป็นสีเขียวและอวบน้ำ ชอบพื้นที่ชุ่มชื้นแต่ไม่ชอบที่น้ำขัง ชอบแสงแดด ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด พบขึ้นทั่วไปในเขตร้อนทั่วโลก ในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ โดยมักขึ้นในแปลงผัก กระถางที่ปลูกต้นไม้ ตามสวน และตามสนามหญ้าทั่วไป
ใบกระสัง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ โดยจะออกจากลำต้นในลักษณะตรงข้าม ลักษณะของใบเป็นรูปหัวใจ ปลายใบแหลม โคนใบเว้าตื้น ส่วนขอบใบเรียบ มีต่อมโปร่งแสง แผ่นใบหนาเป็นคลื่นเล็กน้อย ผิวใบด้านบนเป็นมัน ด้านล่างขุ่นและมีสีอ่อนกว่า ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1-3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1-4 เซนติเมตร
ดอกกระสัง ออกดอกเป็นช่อตามซอกและที่ปลายกิ่ง ช่อดอกเป็นสีเขียวอ่อนหรือสีครีม ช่อดอกจะออกบริเวณข้อตรงข้ามกับใบ เรียงโค้งขึ้น ประกอบไปด้วยดอกเล็ก ๆ ที่ไม่มีก้าน มีดอกย่อยจำนวนมากเวียนรอบแกน ดอกเป็นแบบสมบูรณ์เพศ ไม่มีทั้งกลีบดอกและกลีบเลี้ยง มีใบประดับดอกละ 1 ใบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน อยู่ข้าง ๆ รังไข่ อับเรณูเป็นสีขาว ก้านชูอับเรณูสั้น เกสรเพศเมียมี 1 อัน รังไข่มีลักษณะกลม อยู่เหนือฐานดอก
ผลกระสัง ผลเป็นผลสดมีลักษณะกลม ภายในผลมีเมล็ด 1 เมล็ด เมล็ดเป็นสีดำทรงกลมและมีขนาดเล็ก

ผักกระสังที่เก็บมาเพื่อเตรียมทำอาหาร
ผักกระสังมีรสเผ็ดหอม
เรื่องรสยาเผ็ดหอมนี้ ยังพออธิบายได้อีกมุมมองหนึ่งว่า ผักกระสังกับพริกไทยนั้นเป็นพี่น้องกัน มีคนลองนำเอาผักกระสังมาขยายใหญ่ให้เท่าต้นพริกไทย มองใบสีเขียวใสๆ ให้เป็นสีเขียวเข้ม ก็จะเห็นหน้าตาผักกระสังเหมือนกับต้นพริกไทย นอกจากนี้ถ้าได้กินผักกระสังที่ยังมีเมล็ดเกาะกันเป็นช่อ คล้ายช่อเมล็ดพริกไทย ก็จะได้ลิ้มรสเผ็ดนิดๆ ซ่าหน่อยๆ ที่ลิ้น ผักกระสังเป็นผักสมบูรณ์แบบชนิดหนึ่งทั้งรสชาติ รูปร่างหน้าตาโดยนำมากินสดๆ หรือลวกกินกับน้ำพริก กินเป็นสลัด หรือยำกินก็ได้ หรือนำมาจัดเป็นแจกันผักขนาดเล็กเป็นผักแกล้มบนโต๊ะกินข้าวก็น่าชมไม่น้อย
ผักกระสังถือว่าเป็นผักต้านมะเร็งชนิดหนึ่ง เนื่องจากมีการศึกษาวิจัยในปัจจุบันพบว่า ผักกระสังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและมีวิตามินซีสูง เรียกได้ว่าวิตามินซีน้องๆ มะนาว คือมะนาว ๑๐๐ กรัม มีวิตามินซี ๒๐ มิลลิกรัม ส่วนผักกระสังมีอยู่ ๑๘ มิลลิกรัม รวมทั้งทางสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เคยวิเคราะห์หาธาตุอาหารในพืชผักต่างๆ พบว่าผักกระสัง ๑ ขีด หรือ ๑๐๐ กรัม มีเบต้าแคโรทีน ราว ๒๘๕ ไมโครกรัมเทียบหน่วยเรตินัล การที่ผักกระสังมีธาตุอาหารต้านมะเร็งอยู่สูงขนาดนี้ ผักกระสังจึงจัดว่าเป็นผักต้านมะเร็งชนิดหนึ่ง
ผักกระสัง...รักษาโรคลักปิดลักเปิด
ในตำรายาไทยระบุไว้ว่าใบของผักกระสังใช้ในการรักษาโรคลักปิดลักเปิด ซึ่งพอจะอธิบายได้ว่า ในผักกระสังมีวิตามินซีและสารอาหารสูง ซึ่งการรักษานั้นใช้ทั้งการกินและการบดต้นแปะบริเวณที่เลือดออกตามไรฟัน
ผักกระสัง…รักษา เริม ฝี มะเร็งเต้านม
หมอยาพื้นบ้านของไทยใช้ผักกระสังเป็นยาไม่มากนักส่วนใหญ่ใช้พอกฝีและสิวโดยใช้ต้นสดตำพอกฝี หรือใช้น้ำคั้นทาสิว ในต่างประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ใช้ทั้งต้นสดบดประคบฝี หรือตุ่มหนอง และโรคผิวหนังอื่นๆ เช่นกัน ซึ่งจากการศึกษาสมัยใหม่พบว่าผักกระสังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านแบคทีเรียหลายชนิด ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งจะช่วยกำจัดเนื้อตายทำให้ฝีแตกได้ง่าย และสิวยุบเร็วขึ้น
ผักกระสัง…แก้อักเสบ ข้ออักเสบ เก๊าท์
หมอยาพื้นบ้านบางคนบอกว่ากินผักกระสังแก้ปวดข้อ ซึ่งในประเทศฟิลิปปินส์มีการกินผักกระสังสดๆ หรือนำมาต้มกิน เพื่อรักษาโรคเก๊าท์และข้ออักเสบ โดยนำผักกระสังต้นยาวสัก ๒๐ เซนติเมตร ต้มกับน้ำ ๒ แก้ว ให้เหลือประมาณ ๑ แก้ว แบ่งรับประทานครั้งละ ครึ่งแก้ว เช้า-เย็น ปัจจุบันผักกระสังเป็นสมุนไพรตัวหนึ่งที่ฟิลิปปินส์กำลังศึกษาวิจัยเพื่อใช้เป็นยารักษาโรคข้ออักเสบรวมทั้งโรคเก๊าท์จากการที่ผักกระสังสามารถลดปริมาณกรดยูริคในกระแสเลือด
ผักกระสัง…บำรุงผิว บำรุงผม
ผักกระสังยังเป็นสมุนไพรสำหรับผู้หญิงอีกชนิดหนึ่งนอกจากใช้รักษาสิวแล้ว สาวๆ สมัยก่อนยังใช้น้ำต้มผักกระสังล้างหน้าบ่อยๆ จะทำให้ผิวหน้าสดใส และนอกจากนี้ คุณสารีป๊ะ อาแวกือจิ ที่บ้านกำปงบือแน ตำบลจะกวั๊ะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา บอกว่าผักกระสังเป็นยาสระผมทำให้ผมนุ่มโดยนำใบขยำกับน้ำชโลมศีรษะให้ศีรษะเย็น ป้องกันผมร่วง ทำให้ผมนุ่ม ซึ่งอธิบายได้ว่าผักกระสังมีธาตุอาหาร มีความเป็นกรดอ่อนๆ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อราและแบคทีเรีย
(ข้อมูลบางส่วนจาก เว็บไซต์ สมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพ)


กินไม่หมดก็เก็บเข้าตู้เย็นไว้ก่อน
อันที่จริงมีข้อมูลในเชิงวิชาการที่เกี่ยวกับ “ผักกระสัง”นี้อีกมากมายซึ่งหาได้ไม่ยากนักในเวลานี้ตามเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งผมได้หยิบยกมาเพียงบางส่วนที่คิดว่าน่าสนใจเท่านั้น
แม้ปัจจุบันที่รอบๆบ้านผมจะไม่ค่อยมีผักกระสังขึ้นงอกงามหนาแน่นเหมือนเมื่อ 5 ปีที่แล้วแต่ก็ยังพอมีให้ได้เก็บกินบ้างในบางคราวโดยเฉพาะวันที่มีเมนูอาหารเป็นน้ำพริกกินกับผักกระสังสดๆ หรืออาจจะเป็นผัดน้ำมันแทนผักบุ้ง, ยำผักกระสัง, ทำสลัดก็อร่อยจากกลิ่นหอมฉุนเฉพาะตัว, แกงส้ม, เป็นผักลวกจิ้ม, หรือเมนูง่ายๆเช่นต้มยำบะหมี่สำเร็จรูปใส่เนื้อหมูหมักแล้วใส่ผักกระสังแทนถั่วงอก แค่นี้ก็กลายเป็นเมนูอร่อยง่ายๆได้แล้วครับ ลองมองไปรอบๆบ้านของท่านดูว่ามีผักกระสังขึ้นงอกงามบ้างมั้ย แล้วลองเก็บมาทำอาหารดู รับรองได้เลยว่าจะต้องติดใจครับ
Admin. 6/7/2559